PageNavi Results No.

Juggernaut


Juggernaut

ระยะประชิด ตัวแคร์รี่ ตัวดัน ตัวหนี

ค่าสถานะ

Str 20 + 2.2 ต่อเลเวล
Agi 26 + 2.4 ต่อเลเวล
Int 14 + 1.4 ต่อเลเวล

พลังโจมตี 48 - 52 ความเร็วในการโจมตี 1.4 ระยะโจมตีประชิด 150
ช่วงเวลาแสดงการโจมตี 0.33 + 0.84
พลังป้องกัน 3.71 ความต้านทานเวทมนตร์ 25%
การเคลื่อนที่ 300 อัตราหมุนตัว 0.6
ระยะมองเห็น กลางวัน กลางคืน 1800 / 800


Talent Tree

ความเสียหายต่อวินาที Blade Fury + 175   25  Agility + 20                              
                       ค่าสถานะทั้งหมด + 8     20    ความเร็วในการเคลื่อนที่ + 20
                        เกราะป้องกัน + 7      15    ความเร็วในการโจมตี + 20
          พลังโจมตี + 20    10      พลังชีวิต + 175

สกิล


Blade Fury

สร้างพายุกงจักรขึ้นรอบตัวของ Juggnernaut ทำให้อยู่ในสภาพต้านเวทมนตร์ทุกชนิดและสร้างความเสียหายแก่ศัตรูรอบๆ เป็นเวลา 5 วินาที ชนิดการลบล้าง : การลบล้างพื้นฐาน


ประเภทสกิล : ไม่มีเป้าหมาย
ประเภทความเสียหาย : เวทมนตร์
ทะลุผ่านการป้องกันเวทโดยสมบูรณ์ : ไม่ได้
มานาที่ใช้ : 120 / 110 / 100 / 90
คูลดาวน์ : 42 / 34 / 26 / 18


Healing Ward

อัญเชิญ Healing Ward ขึ้นมาเพื่อฟื้นฟูพลังชีวิตของยูนิตฝ่ายเดียวกันที่อยู่ใกล้เคียง อัตราการฟื้นฟูขึ้นอยู่กับพลังชีวิตสูงสุดของแต่ละยูนิต Healing Ward สามารถเคลื่อนที่ด้วยความเร็ว 420 หน่วยหลังจากที่ถูกอัญเชิญ และอยู่ได้เป็นเวลา 25 วินาที


ประเภทสกิล : ตำแหน่งเป้าหมาย
พลังชีวิตสูงสุดต่อวินาที : 2% / 3% / 4% / 5%
มานาที่ใช้ : 140
คูลดาวน์ : 60


Blade Dance

Juggernaut มีโอกาศที่จะโจมตีสร้างความเสียหาย 2 เท่าในการโจมตีแต่ละครั้ง


ประเภทสกิล : ติดตัว
ความเสียหายจากคริติคอล : 200%
โอกาศติดคริติคอล : 20% / 25% / 30% / 35%


Omnislash

Juggernaut พุ่งเข้าใส่ศัตรูเป้าหมายแล้วฟันโจมตี และกระโดดฟันโจมตียูนิตศัตรูที่อยู่ใกล้เคียง ตัวถัดไปสร้างความเสียหาย 200 - 225 หน่วยต่อการฟันหนึ่งครั้ง Juggernaut จะเป็นอมตะในระหว่างที่ใช้สกิลนี้ อัปเกรดได้ด้วย Aghanim's Secpter


ประเภทสกิล: ยูนิตเป้าหมาย
ส่งผลต่อ : ยูนิตฝ่ายศัตรู
ประเภทความเสียหาย : กายภาพ 
ทะลุผ่านการป้องกันเวทโดยสมบูรณ์ : ได้
จำนวนครั้งที่ฟัน : 3 / 6 / 9
รัศมีการกระโดดฟัน : 425
มานาที่ใช้ : 200 / 275 / 350
คูลดาวน์ : 130 / 120 / 110

จำนวนครั้งที่ฟันโดย Secpter : 6 / 9 / 12
คูลดาวน์โดย Secpter : 70


แนวทางการอัพสกิล



[สามารถเปลี่ยนรูปแบบการอัพได้โดยขึ้นอยู่กับรูปเกมส์]


การเล่นพื้นฐาน


Juggernaut จัดเป็น Hard Carry ที่มีความแข็งแกร่งในการต่อสู้ในเลนสูงเนื่องจากมีความเร็วในการโจมตีและดาเมจที่สูง และสกิล Blade Dance ที่ช่วยให้การโจมตีปกติมีโอกาศติดคริติคอล Juggernuat ยังสามารถหลบหนีจากการ Gank ได้ง่ายจากสกิล Blade Fury ที่ช่วยป้องกันสกิลเวทมนตร์และทำให้ไม่ได้รับดาเมจเวทมนตร์ทุกรูปแบบ อีกทั้งสกิล Blade Fury ยังสามารถใช้ทำดาเมจช่วงต้นเกมส์ได้เนื่องจากมีดาเมจที่สูงและมีระยะเวลาแสดงผลที่นานถึง 5 วินาที Juggernaut ยังโดดเด่นเรื่องการดันเลน ด้วยสกิล Healing Ward ที่ช่วยฟื้นฟูพลังชีวิตเพื่อนร่วมทีมและครีป และสิ่งที่ทำให้ Juggernaut อันตรายที่สุดเมื่อต้องปะทะแบบ 1 vs 1 คือสกิล Omnislash ที่ทำให้ Juggernaut กระโดดเข้าโจมตีศัตรูอย่างรวดเร็ว และในระหว่างที่สกิล Omnislash ทำงาน Juggernaut จะไม่ได้รับความเสียหายทุกรูปแบบจากศัตรู


เทคนิคการเล่น


ช่วงต้นเกมส์ - 20 นาที


ในช่วงต้นเกมส์ Juggernaut ถึงจะมีดาเมจและความเร็วในการโจมตีที่สูง แต่ก็จะยังอ่อนแอจึงจำเป็นต้องมีซัพพอร์ตมาช่วยเหลือในการยืนเลน เมื่อ Juggernaut มี Lv. 5 จะสามารถยืนเลนได้ด้วยตัวคนเดียวโดยไม่ต้องพึ่งซัพพอร์ต เนื่องจากมีสกิล Healing Ward คอยช่วยฟื้นฟูพลังชีวิต และสามารถใช้สกิล Blade Fury หลบหนีการ Gank หรือใช้กดดันฮีโร่ศัตรูในเลนได้ และเมื่อ Juggernaut ฟาร์มจนถึง Lv.6 สามารถฆ่าฮีโร่ศัตรูได้ง่ายด้วยสกิล Omnislash โดยในส่วนของไอเท็มจะออกเป็น Phase Boots เพื่อมาช่วยเพิ่มความเร็วในการเคลื่อนที่และดาเมจ  Ring of  Aquila มาช่วยเรื่องอัตราการรีมานาและเพิ่มค่าสถานะพื้นฐานทั้งหมด Poor Man's Shield มาช่วยเสริมพลังป้องกัน โดยรวมแล้วหน้าที่หลักของ Juggernaut ในช่วงต้นเกมส์คือการฟาร์ม กดดันฮีโร่ศัตรูในเลนด้วยสกิล Blade Fury และพยายามดันเลนพังป้อมศัตรู


ช่วงกลางเกมส์ 20 - 35 นาที


ในช่วงกลางเกมส์จะเป็นช่วงที่ Juggernaut แข็งแกร่งมาก เนื่องจากสกิล Omnislash Lv. 2 ของ Juggernaut นั้นมีความรุนแรงมากสามารถใช้ฆ่าศัตรูแบบ 1 vs 1 ได้ง่ายมาก โดยในช่วงกลางเกมส์ Juggernaut จะทำหน้าเป็นตัวดาเมจหลักให้เพื่อนร่วมทีมจากสกิล Omnislash และคอยดันเลนไปพร้อมกับเพื่อนร่วมทีม โดยไอเท็มช่วงกลางจะออกเป็น Manta Style เพื่อมาช่วยเสริมในการดันเลนและลบสถานะ Debuff ต่างๆ และยังช่วยเพิ่มค่าสถานะพื้นฐานทั้งหมด Diffusal Blade เพื่อมาช่วยเพิ่มค่าสถานะหลัก Agi และทำให้ Juggernaut และร่างปลอมจาก Manta Style สามารถเผาผลาญมานาระหว่างโจมตี
Blink Dagger เพื่อให้สามารถเข้าไปปะทะ หรือหนีออกได้รวดเร็ว


ช่วงท้ายเกมส์ 35 นาทีเป็นต้นไป


หลังจากผ่านช่วงกลางเกมส์ Juggernaut จะยิ่งมีความแข็งแกร่งขึ้นอย่างมาก แต่ในช่วงท้ายเกมส์นั้นสกิล Omnislash จะใช้ฆ่าฮีโร่ศัตรูได้เหมือนช่วงต้นเกมส์ และ กลางเกมส์ ได้ค่อนข้างยากเนื่องจากศัตรูมักจะมีไอเท็มหลบหนี อีกทั้ง Juggernaut เองก็ไม่มีสกิล หยุดเป้าหมาย โดยไอเท็มช่วงท้ายเกมส์จะออกเป็น Abyssal Blade เพื่อมาช่วยหยุดเป้าหมาย Butterfly เพื่อมาช่วยเสริมดาเมจและความเร็วในการโจมตี และยังช่วยเพิ่มอัตราการหลบหลีก


เทคนิคการใช้สกิล Blade Fury


1.ในระหว่างที่ใช้สกิล Blade Fury เพื่อไล่ฆ่าศัตรูนั้นไม่ควรกดคลิกโจมตีเป้าหมายเนื่องจากจะทำให้หลุดระยะสกิลได้ง่าย ควรบังคับวิ่งไล่ตามในระหว่างสกิลทำงานมากกว่าเพื่อให้สกิลทำดาเมจได้สูงสุด

2.ในหว่างขึ้นตีบาแรค หรือป้อมศัตรู กรณีที่ศัตรูมีสกิล สตั้น หรือตรึงเป้าหมาย เราสามารถใช้สกิล Blade Fury เพื่อป้องกันเวทมนตร์ในระหว่างที่กดโจมตี บาแรค หรือป้อมศัตรู เนื่องจาก สกิล Balde Fury ที่ Lv. 4 นั้นมีคูลดาวน์ที่ค่อนข้างต่ำ และมีระยะเวลาแสดงผลที่นานถึง 5 วินาที

3.ในหว่างสกิลที่ Blade Fury ทำงานนั้น Juggernaut จะไม่สามารถใช้สกิลอื่นได้ แต่ยังคงใช้ไอเท็มได้ ดังนั้น ในระหว่างที่หลบหนี หรือไล่ล่า เราสามารถใช้สกิล Blade Fury เพื่อหลบสกิลในระหว่างที่สกิลศัตรูเคลื่อนที่เข้ามา และใช้ไอเท็ม เช่น Blink Dagger หลบหนี หรือหลบสกิลเข้าไปทำดาเมจได้ในหว่างที่สกิล Blade Fury ทำงานอยู่ได้


การเลือกอัพ Talent




Level 10

- กรณีที่เกิดการปะทะบ่อย แนะนำให้เลือก พลังชีวิต + 175 เนื่องจาก Juggernaut ช่วงต้นเกมส์มีพลังชีวิตที่ค่อนข้างน้อย

- กรณีที่ได้เปรียบ แนะนำให้เลือก พลังโจมตี + 20

Level 15

- กรณีที่เสียเปรียบ และฮีโร่ศัตรูเน้นทำดาเมจประเภทกายภาพ (Physical) ควรเลือก เกราะป้องกัน + 7

- กรณีที่ได้เปรียบ แนะนำให้เลือก ความเร็วในการโจมตี + 20

Level 20

- แนะนำให้เลือก ค่าสถานะทั้งหมด + 8 เนื่องจากมีประโยชน์มากกว่า ความเร็วในการเคลื่อนที่ + 20 เนื่องจากไอเท็มส่วนใหญ่ของ Juggernaut นั้นมีคุณสมบัติช่วยในเรื่องความเร็วในการเคลื่อนที่อยู่แล้ว

Level 25

- ควรเลือก Agility + 20 เพื่อมาช่วยเสริมค่าดาเมจและเกราะป้องกัน


จุดเด่นจุดด้อย


จุดเด่น

1.มีดาเมจและความเร็วในการโจมตีสูง

2.หลบหนีการ Gank ได้ง่าย

3.ได้เปรียบเมื่อต่อสู้ในรูปแบบ 1 vs 1 

4.สามารถดันเลนได้ไว

5.มีความคล่องตัวสูงในช่วงท้ายเกมส์


จุดด้อย

1.พลังชีวิตและมานาค่อนข้างน้อย

2.ไม่มีสกิลหยุดการเคลื่อนที่เป้าหมาย

3.เสียเปรียบเมื่อเจอฮีโร่ที่มีสกิลเพิ่มจำนวนร่างปลอม

4.สกิล Omnislash ใช้งานได้ยากเมื่อเจอฮีโร่ศัตรูในบริเวณเดียวกันหลายตัว


Item


Item ยืนเลนช่วงต้นเกมส์


Item หลัก กลางเกมส์


Item ช่วงท้ายเกมส์


Item ตามสถานการณ์


Item เสริม


เทคนิคการออกไอเท็มตามสถานการณ์


 Mealstrom เป็นไอเท็มทางเลือกที่เหมาะกับเกมส์ที่ต้องการดันเลนในช่วงต้นเกมส์เนื่องจากมีราคาถูก

 Mjollnir เป็นไอเท็มที่อัปเกรดต่อจาก Mealstrom เพื่อมาช่วยเสริมความเร็วในการโจมตีและการต่อสู้ใน Team-Fight และดันเลน

 Battle Fury เป็นไอเท็มที่เหมาะกับเกมส์ที่ต้องเจอฮีโร่ศัตรูที่มีความสามารถเพิ่มร่างปลอม และเกมส์ที่ต้องการฟาร์มเป็นหลัก

 Black King Bar เป็นไอเท็มที่เหมาะกับเกมส์ที่ฮีโร่ศัตรูมีสกิล หยุด สตั้น ที่เป็นวงกว้าง (AoE) หรือมีสกิล หยุด สตั้น เป็นจำนวนมากกว่า 3 ตัวขึ้นไป

 Eye of Skadi เป็นไอเท็มช่วงท้ายเกมส์ที่มาช่วยเสริมในการต่อสู้ที่สามารถทำให้เป้าหมายเคลื่อนที่และโจมตีช้า และช่วยเพิ่มค่าสถานะพื้นฐานทั้งหมด

 Monkey King Bar เป็นไอเท็มที่เหมาะกับเกมส์ที่ฮีโร่มีไอเท็มหรือสกิลที่ช่วยในเรื่องการหลบหลีก หรือทำให้ Juggernaut ติดสถานะตาบอด (Blind)

 Shadow Blade เป็นไอเท็มที่เหมาะกับเกมส์ที่ต้องปะทะบ่อย เหมาะกับเกมส์ที่ได้เปรียบ

 Silver Edge เป็นไอเท็มที่อัปเกรดต่อจาก Shadow Blade เหมาะกับเกมส์ที่ต้องเจอกับฮีโร่ศัตรูที่มีสกิลติดตัว (Passive) ที่ช่วยเสริมความแข็งแกร่ง เช่น Dragon Knight / Centaur Warrunner / Axe / Bristleback / Spectre 



Weak against & Strong against


ฮีโร่ที่ได้เปรียบ


 Axe สามารถกดดันเลน Juggernaut ได้ดีด้วยสกิล Counter Helix และสามารถใช้สกิล Berserker's Call เพิ่มเกราะป้องกันระหว่างโดนสกิล Omnislash ได้

 Anti-Mage เป็น Hard Carry สาย Agi ที่มีความคล่องตัวสูงจากสกิล Blink ที่ทำให้สามารถหลบหนีระหว่างโดนสกิล Omnislash ได้ อีกทั้ง Juggernaut ไม่สามารถปะทะโดยตรงได้เป็นเวลานาน เนื่องจาก Anti-Mage มีความสารถในการเผาผลาญมานาจากสกิล Mana Break

 Slark เป็น Hard Carry สาย Agi ที่มีความคล่องตัวสูง โดยสกิล Shadow Dance ทำให้ Slark หลุดรอดระหว่างสกิล Omnislash ทำงานได้

 Puck สามารถใช้สกิล Phase Shift หลบการโจมตี หรือระหว่างโดนสกิล Omnislash ได้ง่าย

 Omniknight สามารถใช้สกิล Repel ป้องกันดาเมจจากสกิล Blade Fury ได้ และยังสามารถใช้สกิล Guardian Angel ป้องกันดาเมจจากสกิล Omnislash ที่เป็นดาเมจประเภทกายภาพ (Physical) ได้

 Phantom Lancer เป็น Hard Carry สาย Agi ที่สามารถหลบการโจมตีจาก Omnislash ได้ง่ายด้วยสกิล Doppelganger และ Phantom Lancer สามารถสุ่มร่างปลอมระหว่างโจมตีทำให้ยากมากในการปะทะแบบ 1 vs 1

 Riki สามารถใช้สกิล Blink Strike และ Tricks of the Trade หลบหนีการโจมตีจาก Omnislash ได้ง่าย

 Storm Spirit สามารถใช้สกิล Ball Lightning หลบหนีระหว่างโดนสกิล Omnislash ได้ง่าย

 Chaos Knight เป็น Hard Carry สาย Str ที่สามารถใช้ Phantasm เพื่อเรียกร่างปลอมมาช่วยรับดาเมจจาก Omnislash ได้

 Outworld Devourrer สามารถใช้สกิล Astral Imprisonment หลบหนี หรือใช้ช่วยเพื่อนในทีมหลบดาเมจจาก Omnislash ได้

 Winter Wyvern สามารถใช้สกิล Cold Embrace ป้องกันระหว่างโดนโจมตีทางกายภาพ (Physical) หรือจากสกิล Omnislash ได้

 Weaver สามารถใช้สกิล Shukuchi หลบหนีระหว่างโดนสกิล Omnislash และยังสามารถใช้สกิล Time Lapse หลังจากสกิล Omnislash หมดการทำงาน เพื่อเพิ่มพลังชีวิตได้

 Tusk สามารถใช้สกิล Snowball ช่วยเหลือเพื่อนในทีม หลบหนีจากดาเมจสกิล Omnislash ได้

 Meepo มีร่างโคลนจำนวนมาก ทำให้ดาเมจจากสกิล Omnislash ลดลงไปมาก

 Ursa สามารถใช้สกิล Enraged ลดเมจทุกรูปแบบได้ 80% 

 Ember Spirit สามารถใช้สกิล Fire Remnant หลบหนีระหว่างสกิล Omnislash ทำงานได้

 Sven เป็น Hard Carry สาย Str ที่มีเกราะป้องกันค่อนข้างสูงและยังสามารถใช้สกิล Warcry เพื่อช่วยเพิ่มเกราะป้องกันได้อีก

 Bristleback เป็นฮีโร่ยืนชน Tank ที่แข็งแกร่งมากจากสกิล Bristleback ทำให้ไล่าฆ่าได้ยากมาก และสกิล Omnislash เป็นการสุ่มโจมตีรอบตัวเป้าหมายทำให้ลดความเสียหายลงไปมาก

 Wraith King เป็น Hard Carry สาย Str ที่ตายได้ยากมากด้วยสกิล Reincaration

 Pugna สามารถใช้สกิล Decrepify ป้องกันตัวเองหรือเพื่อนในทีมให้ไม่ได้รับความเสียหายจากสกิล Omnislash ได้

 Io สามารถใช้สกิล Relocate ช่วยเหลือเพื่อนร่วมทีมหรอตัว Io เองหลบหนีระหว่างสกิล Omnislash ทำงานได้

 Terrorblade เป็น Hard Carry สาย Agi ที่แข็งแกร่งอย่างมากในช่วงท้ายเกมส์ ด้วยสกิล Conjures Image ที่สามารถสร้างร่างปลอมมาช่วยต่อสู้และรับดาเมจจากสกิล Omnislash และยังสามารถใช้สกิล Sunder สลับพลังชีวิตกับ Juggernaut หลังสกิล Omnislash สิ้นสุดระยะเวลาได้

 Timbersaw เป็นฮีโร่ที่ทนทานต่อดาเมจประเภทกายภาพ (Physical) มากจากสกิล Reactive Armor

 Queen of Pain สามารถใช้สกิล Blink หลบหนีสกิล Omnislash ได้ง่าย

 Tidehunter เป็นตัวยืนชน Tank ที่มีพลังชีวิตสูงมากและทนทานต่อดาเมจทุกรูปแบบด้วยสกิล Kraken Shall อีกทั้งยังสามารถกดดันเลน Juggernaut ได้ดีด้วยสกิล Anchor Smash

 Viper เป็น Semi-Carry สาย Agi กึ่งตัวยืนชน Tank ที่พลังชีวิตค่อนข้างสูงและแข็งแกร่งมากในช่วงต้นเกมส์ จากสกิล Corrosive Skin และสามารถใช้สกิล Poison Attack ลดความเร็วการเคลื่อนที่และโจมตีได้

 Razor สามารถกดดันเลน Juggernaut ได้ดีด้วยสกิล Static Link ที่จะดูดดาเมจของ Juggernaut 

 Lion เป็นซัพพอร์ต ที่มีสกิลขัดจังหวะที่ครบครัน และยังสามารถใช้สกิล Mana Drain กดดัน Juggernaut ในเลนได้ในช่วงต้นเกมส์

 Phantom Assassin เป็น Hard Carry สาย Agi ที่มีความสามารถในการหลบหลีกที่สูงจากสกิล Blur อีกทั้งยังสามารถใช้สกิล Blink Strike หลบหนีจากสกิล Omnislash ได้

 Legion Commander สามารถกดดัน Juggernaut ในเลนได้ดีด้วยสกิล Overwhelming Odds และ Moment of Courage และยังสามารถหยุด Juggernaut ระหว่างใช้สกิล Bade Fury หลบหนีได้ด้วยสกิล Duel

 Naga Siren สามารถใช้สกิล Mirror Image สร้างร่างปลอมเพื่อมาช่วยรับหลบนีและรับดาเมจจากสกิล Omnislash ได้

 Bounty Hunter สามารถใช้สกิล Shadow Walk หลบหนีระหว่างสกิล Omnislash ทำงานได้

 Clinkz สามารถใช้สกิล Skeleton Walk หลบหนีระหว่างสกิล Omnislash ทำงานได้ อีกทั้งไอเท็มหลักของ Clinkz คือ Orchid Malevolence ที่สามารถทำ Juggernaut ติดสถานะใบ้ (Silence) และฆ่าได้ง่ายช่วงต้นเกมส์

 Dragon Knight เป็น Semi-Carry สาย Str ตัวยืนชน Tank ที่มีเกราะป้องกันสูงมากจากสกิล Dragon Blood

 Morphling เป็น Hard Carry สาย Agi ที่ฆ่าได้ยากมากจากสกิล Morph Str ที่ทำให้ Morphling เปลี่ยนค่าสถานะ Agi เป็น Str เพื่อเพิ่มพลังชีวิต อีกทั้งยังสามารถใช้สกิล Waveform หลบหนีสกิล Omnislash ได้

 Medusa เป็น Hard Carry สาย Agi ที่ฆ่าได้ยากมากจากสกิล Mana Shield อีกทั้งยังสามารถใช้สกิล Stone Gaze ป้องกันตัวระหว่างถูกไล่ล่าได้

 Dazzle สามารถใช้สกิล Shallow Grave ช่วยเหลือเพื่อนเหลือตัวเองให้รอดจาก Omnislash ได้

 Oracle สามารถใช้สกิล False Promise ช่วยเหลือเพื่อนเหลือตัวเองให้รอดจาก Omnislash ได้

 Centaur Warrunner เป็นตัวยืนชน Tank ที่มีพลังชีวิตสูงมากและสามารถใช้สกิล Double Eage กดดัน Juggernaut ในเลนช่วงต้นเกมส์ได้ง่าย

 Underlord เป็นตัวยืนชน Tank ที่สามารถกดดัน Juggernaut ในเลนช่วงต้นเกมส์ได้ดีด้วยสกิล Firestorm และ Atrophy Aura

 Lone Druid เป็น Hard Carry สาย Agi ที่มีพลังชีวิตสูงมากจากสกิล True Form อีกทั้งยังสามารถใช้สกิล Summon Spirit Bear มากดดัน Juggernaut ได้ง่ายในช่วงต้นเกมส์


ฮีโร่ที่ได้เปรียบ


 Crystal Maiden เป็นซัพพอร์ตที่มีพลังชีวิตและความเร็วในการเคลื่อนที่ต่ำมาก Juggernaut สามารถใช้สกิล Blade Fury ป้องกันสกิล Crystal Maiden

 Zeus เป็นตัวนูค ที่เน้นการโจมตีหลักรูปแบบเวทมนตร์ Juggernaut สามารถใช้สกิล Blade Fury หลบการโจมตีของ Zeus ได้ง่าย

 Templar Assassin เป็น Semi-Carry สาย Agi ที่มีสกิล Refraction ที่สามารถป้องกันการโจมตี แต่ Juggernaut สามารถใช้สกิล Blade Fury ทำลาย เกราะจากสกิล Refraction ได้ง่าย

 Skywrath Mage เป็นตัวนูค ที่เน้นการโจมตีหลักรูปแบบเวทมนตร์ Juggernaut สามารถใช้สกิล Blade Fury หลบการโจมตีของ Skywrath Mage ได้ง่าย

 Invoker เป็น Semi-Carry สาย Int ที่เน้นการโจมตีหลักรูปแบบเวทมนตร์ Juggernaut สามารถใช้สกิล Blade Fury หลบการโจมตีของ Invoker ได้ง่าย

 Keeper of the Light เป็นซัพพอร์ต ที่มีพลังชีวิตและเกราะป้องกันที่น้อย อีกทั้ง Juggernaut สามารถใช้สกิล Healing Ward ฟื้นฟูพลังชีวิต ระหว่างดันเลนที่โดนสกิล Illuminate

 Disruptor เป็นซัพพอร์ตที่สามารถจับการเคลื่อนไหวฮีโร่จากระยะไกลได้ด้วยสกิล Glimpse และ Kinetic Field แต่ Juggernaut สามารถใช้สกิล Blade Fury หลบหนีจากสกิล Glimpse และ Kinetic Field ได้ง่าย

 Techies มีระเบิดที่ทำดาเมจเป็นประเภทเวทมนตร์ทั้งหมด Juggernaut สามารถใช้สกิล Blade Fury ป้องกันได้ง่าย

 Enchantress เป็นฮีโร่ที่มีพลังชีวิตค่อนข้างน้อย แต่ค่อนข้างได้เปรียบฮีโร่ที่เน้นการโจมตีรูปแบบกายภาพ (Physical) แต่ Juggernaut สามารถใช้สกิล Blade Fury ที่ดาเมจประเภทเวทมนตร์ได้เร็วและรุนแรงในช่วงต้นเกมส์ อีกทั้ง Juggernaut ยังสามารถใช้สกิล Omnislash ฆ่าได้ง่ายในช่วงต้นเกมส์

 Nyx Assassin เป็นตัวนูคที่ฆ่าได้มากจากสกิล Spiked Carapace แต่ Juggernaut สามารถใช้สกิล Blade Fury ทำดาเมจและป้องกันในระหว่างไล่ล่า Nyx Assassin ได้

 Lich เป็นซัพพอร์ตที่มีพลังชีวิตที่ค่อนข้างต่ำ และไม่มีสกิลหลบหนี อีกทั้ง Juggernaut ยังสามารถใช้สกิล Blade Fury หลบการโจมตีจากสกิล Lich ได้ง่าย

 Phoenix เป็นฮีโร่ตัวเปิดการต่อสู้ด้วยสกิล Supernova แต่ Juggernaut มีความเร็วในโจมที่สูงทำให้ทำลาย Supernova ได้ไว อีกทั้ง Juggernaut ยังสามารถใช้สกิล Blade Fury ลบ Debuff จากสกิล Fire Spirits หรอป้องกันในระหว่างทำลาย Supernova

 Leshrac เป็นตัวนูค ที่เน้นการโจมตีหลักรูปแบบเวทมนตร์ Juggernaut สามารถใช้สกิล Blade Fury หลบการโจมตีของ Leshrac ได้ง่าย

 Huskar เป็นฮีโร่ที่มีความต้านทานเวทมนตร์สูงเมื่อพลังชีวิตต่ำจากสกิล Berserker's Blood แต่ก็มีเกราะป้องกันการโจมตีกายภาพ (Physical) ที่ค่อนข้างน้อย ทำให้สามารถใช้สกิล Omnislash ฆ่าได้ง่าย

 Lina เป็นตัวนูคที่มีสกิลรุนแรงในช่วงต้นเกมส์ แต่ก็มีพลังชีวิตและความคล่องตัวต่ำในช่วงต้นเกมส์ Juggernaut สามารถใช้สกิล Blade Fury หลบสกิล Lina และทำคอมโบใช้สกิล Omnislash ฆ่าได้ง่ายช่วงต้นเกมส์

 Jakiro เป็นซัพพอร์ต ที่มีรูปแบบการโจมตีที่เน้นเวทมนตร์เป็นหลักทำให้สามารถใช้สกิล Blade Fury หลบการโจมตีได้ง่าย

 Gyrocopter เป็น Hard Carry สาย Agi ที่เปราะบางมากในช่วงต้นเกมส์ อีกทั้งรูปแบบการโจมตีหลักในช่วงต้นเกมส์ของ Gyrocopter เป็นเวทมนตร์ส่วนใหญ่ ทำให้ใช้สกิล Blade Fury หลบการโจมตีได้ง่ายช่วงต้นเกมส์

 Elder Titan มีสกิล Echo Stomp ที่มีระยะเวลาร่ายที่ค่อนข้างช้าทำให้สามารถใช้สกิล Blade Fury หลบได้ง่าย
Juggernaut Juggernaut Reviewed by Unknown on กรกฎาคม 30, 2560 Rating: 5

ไม่มีความคิดเห็น

Blogger templates